รู้สึกว่าเมื่อวันก่อนพึ่งจะประกาศผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย Admission 54 ก็คงมีทั้งเด็กๆ ที่สมหวัง และ ผิดหวัง กันไปตามธรรมชาติหละ เพราะมันคือการแข่งขัน ทั้งแข่งกับตัวเอง แข่งกับคนอื่นๆ แต่ก็เห็นเป็นข่าวได้ทุกปี กับพวกที่ไม่สมหวัง แล้วก็ฆ่าตัวตายบ้าง เสียใจ เสียคนบ้าง ก็พอเข้าใจอยู่กับการกระทำแบบนั้น เพราะ ช่วงชีวิตนึงผมก็ผ่านความผิดหวังแบบนี้มาเหมือนกัน สำหรับโพสนี้เลยขอ บ่น เล่าเรื่องชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองสักหน่อยละกัน..
ชีวิตผมก็เหมือนเด็กนักเรียนทั่วไปในอดีต การสอบเพื่อเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมปลาย หรือ สอบเข้า ม.4 นั้น ก็ยังเป็นเรื่องที่ถือเป็นการทดสอบแรกที่จะตัดสินชะตาชีวิตในช่วงนั้น ผมยังจำได้ดีว่า ผมใช้สิทธิในการสอบเข้า ม.4 ถึง 3 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกได้โควต้าของโรงเรียน มีสิทธิสอบเข้าม.4 เป็นกลุ่มแรก ของนักเรียนทั้งหมด โดยโรงเรียน จะเรียง ผลการเรียน 100 อันดับแรกของชั้น เพื่อให้ 100 อันดับมาสอบก่อน โดยจะรับประมาน 80 คน หรือตามเกณฑ์คะแนนที่สอบได้ ผมก็เรียนๆ เล่นๆ ไปเรื่อยไปวันๆ ก็รู้สึกจะติดอยู่อันดับเกือบๆ 100 นั้นแหละ ก็ไปสอบกับเขา ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร หนังสือหนังหา ก็ไม่ค่อยจะอ่านซักเท่าไหร่ มีการสอบข้อเขียน จากนั้นก็มีสอบสัมภาษณ์! ไอ้สอบสัมภาษณ์ นี่แหละ มันคืออะไร ในช่วงชีวิตนั้นไม่เคยรู้จักเลย !! และผมเป็นคนที่กลัวการพูดต่อหน้าคนอื่นอย่างเป็นทางการ หรือ การพูดในที่สาธารณะเอามากๆ (หลายคนที่รู้จักผมอาจจะคิดว่า มึงออกจะพูดมากใจกล้าหน้าด้านจะตาย กลัว/อาย กับเขาด้วยเหรอ ผมก็ขอตอบตามตรงว่า ช่วงนั้นในอดีต ผมเป็นคนกลัว และ อาย มาก จริงๆ !) และผลสอบก็ออกมาว่า … Fail! … โรงเรียนรับนักเรียนที่สอบในรอบโควต้า เข้าไป ทั้งสิ้น 80 คน ส่วนผมเป็น 1 ใน 20 ที่ตกรอบ … โอ้ว!! ผมไม่ได้ไปต่อหละ … ต้องไปรอ ออดิชั่นในรอบต่อไป… เอ้ย ไปรอสอบ ในการสอบรอบต่อไป …
ในการสอบรอบที่ 2 นั้นเป็นรอบที่ค่อนข้างกว้าง เพราะเริ่มเปิดกว้างให้ นักเรียนจากหลากหลายที่มาสอบ แต่ก็จำกัดอยู่ในวงโรงเรียนในเครือ (นั้นแหนะ เริ่มสงใสแล้วหละสิ โรงเรียนในเครืออะไร) รอบนี้ผมก็ยังทำเหมือนปกติ ก็อ่านหนังสือบ้าง และก็ไปสอบ ผลออกมา ผ่านแล้ว คุณได้ไปต่อ!! YES! WIN! ผมได้ไปต่อ แต่การไปต่อนั้น มันคือการไปสอบสัมภาษณ์ นั้นเอง… โอ้! อีกแล้ว! สอบสัมภาษณ์อีกแล้ว…. คราวนี้หละ ผมตั้งใจไปให้เพื่อนที่มันเรียนเก่ง พูดเก่ง นำเสนอเก่ง แต่งสคริปในการนำเสนอตัวเองให้ทั้งหมดเลย แล้วก็เอากลับบ้านมา นั่งท่อง ยืนท่อง นอนท่อง ไม่รู้ว่ากลางคืน ละเมอท่องด้วยรึปล่าว..จนไปสอบสัมภาษณ์… ผลออกมาอย่างที่หลายๆคนคิดแหละครับ… ผม Fail อีกแล้ว คุณไม่ได้ไปต่อ … ผมสอบตกสัมภาษณ์! …
ช่วงเวลานั้นทุกอย่างมัน มึนๆ งงๆ ไปหมด นี่ผมสอบไป 2 รอบนะ ตกสัมภาษณ์ ทั้ง 2 รอบเลย!!! ช่วงชีวิตตอนนั้น ถูกแรงกดดันมหาศาล แรงกดดันจากทางบ้าน จากครอบครัว จากการเป็นพี่คนโต จากจิตสำนึกส่วนลึก จาก . . . จาก … อีกหลากหลายที่ ชีวิตเด็ก ม.3 คนนึงที่รู้สึกว่า การสอบเข้า ม.4 มันช่างเป็นเรื่องยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้วะเนี่ย!!! ตอนนั้น ผมเหลือโอกาสอีกแค่ครั้งเดียวกับการสอบในรอบสุดท้าย ที่เป็นการสอบแบบเปิดกว้าง ทุกคนทั้วประเทศสามารถมาสอบได้ แสดงว่าคู่แข่งมากขึ้นอีก .. ช่วงชีวิตตอนนั้นเอง ที่ทำให้ผม รู้จัก กับคำว่า “ความเครียต”
ตอนนั้นมันทำให้ผม คิดไรไปมากมาย หลายอย่าง “ถ้าสอบไม่ติดอีก จะทำยังไง” “จะไปเรียนไหน?” “เพื่อนใหม่จะเป็นยังไง?” สารพันปัญหา ล้านแปด ผุดขึ้นมาในหัวสมองมากมาย เออ่ แต่จะว่าไป ทำไมไม่เคยคิดเลยหว่า ว่า จะฆ่าตัวตาย ไม่อยากอยู่แล้ว ทั้งที่สถานการณ์ก็คงคล้ายๆ กับพวกเด็กๆ ที่สอบเอนทรานซ์ Admission ไม่ติด… สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย… เพราะโอกาสก็ยังมี ยังมีโอกาสจะสอบต่อ หรือไปสอบโรงเรียนอื่นก็ยังไม่ ชีวิตมันไม่ใช่ว่าสอบไม่ได้แล้ว จะทำอะไรไม่ได้นี่หว่า .. ช่วงนั้นผมเครียตนะ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับจะเป็นจะตายอะไรมากมาย พ่อแม่เขาก็ไม่ได้จะบังคับว่าต้องสอบให้ได้ เขาก็บอกว่า ถ้าไม่ได้เดี๋ยวจะไปหาโรงเรียนอื่นให้อยู่ก็ได้ ผมเองก็เข้าใจนะว่าใจจริงเขาก็อยากให้เราสอบได้ที่นี่ ดังนั้นสอบรอบสุดท้ายนี้ ฉันก็ัตั้งใจจริง..จริงเหรอ!? คำตอบคือ ไม่เลย! หนังสือผมไม่อ่าน สคริปสอบสัมภาษณ์ ผมไม่ท่อง วันๆ เล่นคอมฯ ดูเว็บ เล่นเอ็ม ให้หมดไปวันๆ จนถึงสอบ เพราะผมเองคิดว่า สอบมา 2 ครั้งแล้ว หนังสือมันก็เล่มเดิมๆ อ่านแล้วก็ไม่รู้จะอ่านทำไม ถ้ามันจะสอบไม่ได้ ก็คงจะสอบไม่ได้ตั้งแต่รอบแรกรอบสองแล้ว แต่ที่มันไม่ได้ เพราะ การพูดของเราไม่ใ่่ช่เหรอ ผมเลยความคิดมาตั้งแต่ตอนนั้นว่า ชีวิตนี้ ถ้าเราไม่กล้าพูด ไม่ฝึกพูด กับคน แล้วชีวิตมันจะทำอะไรกินได้ มันจะเจริญหรือมันจะทำอะไรได้อีกเหรอ จากนั้นมาเลยพยายามพูด ฝึกพูด เถียงคน เปิดประเด็น หาประเด็นมาถกกัน เพื่อให้มันเกิดความคิด คิดเร็ว พูดเร็ว จึงกลายเป็นนิสัยของผมไป (หรือใช้คำหยาบๆ หน่อยก็ กลายเป็นสันดารไปแล้ว กับการ คิดเร็วพูดเร็วเนี่ย) จากนั้นมา การสอบสัมภาษณ์ผมก็ไหลลื่น กรรมการถามโน่นถามนี่ ผมก็ตอบอย่างฉะฉาน รวดเร็ว ผิดจาก การสอบสัมภาษณ์ทั้ง 2ครั้งที่ผ่านมา ที่จะอ้ำๆ อึ้งๆ ยืนคิด พอจะพูดก็สั่นๆ เพราะเกร็ง อาย เขิน… สารพัดความรู้สึก แต่ตอนนี้ ผมคิดว่ามันน่าจะเริ่มชินแล้ว ประกอบกับการเริ่มที่จะพูดได้ (เหมือนเด็กทารกเริ่มพูดได้เลย) จึงทำได้ผลสอบที่ออกมา ผมผ่าน…. ผมได้ไปต่อ ได้ไปเรียนต่อ ใน ม.4 .. ของโรงเรียนนี้…
Your email address will not be published. Required fields are marked *
Comment
Name *
Email *
Website
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Leave a Reply